Home » , , , » ฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ เดือนสี่-บุญเผวส

ฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ เดือนสี่-บุญเผวส

Written By SongStoryz on วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555 | 02:33


คำว่าผะเหวด เป็นสำเนียงของชาวอีสาน ที่มาแผลงมาจากคำว่าผะเหวด ซึ่งหมายถึง ผะเหวดสันดร การทำบุญผะเหวด
เป็นการทำบุญและฟังเทศน์เรื่องผะเหวดสันดรชาดกหรือเทศน์ มหาชาติซึ่งมีจำนวน กัณฑ์3 กัณฑ์ ทั้งนี้เพี่อเป็นการรำลึกถึง
ผะเหวดสันดรผู้ซึ่งบำเพ็ญเพียรอันยิ่งใหญ่ด้วยวิธีบริจาคทาน หรือทานบารมีในชาติสุดท้าย หรือมหาชาติของพระพุทธองค์ ก่อนที่จะมาเสวยชาติและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

งานบุญผะเหวดเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวอีสานนิยมทำกันทุกหมู่บ้าน ด้วยความเชื่อว่าหากได้ฟังเทศน์มหาชาติครบทั้ง กัณฑ์3 กัณฑ์จบภายในวันเดียวนั้น อานิสงฆ์จะดลบันดาลให้ไปเกิดในศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสุขตามพุทธคติ ปัจจุบันงานบุญผะเหวดยังหาดูได้ทั่วไปเกือบทุกจังหวัดในภาคอีสาน ภายในงานจะมีขบวนแห่พระเวสสันดรหลายขบวน และมีการทำขนมจีน(ชาวอีสานเรียกข้าวปุ้น)มากมายมาเลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง



ภาพเขียนผ้าเรื่องราวพระเวสสันดรชาดก

การแห่ผะเหวด และ การแห่ข้าวพันก้อน ในตอนเย็นของวันโฮมจะมีการไปรวมกันที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งสมมติกันว่าเป็นป่า ตามเรื่องราวในพระเวสสันดรชาดกและพากันแห่ผ้าซึ่งเขียนภาพเป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์ เข้สู่หมู่บ้าน ตามระยะทางจะมีผู้ตั้งหม้อน้ำหอมไว้สำหรับให้ผู้ที่แห่ผะเหวดไว้เอาดอกไม้จุ่มเป็นการบูชาพระเวสสันดร พอถึงบริเวณวัดก็จะนำผ้าไปขึงไว้บริเวณรอบศาลาการเปรียญหมู่บ้าน

มูลเหตุที่มีการทำบุญผะเหวด มีเล่าไว้ในเรื่องพระมาลัยหมื่นมาลัยแสนว่า พระมาลัยได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พบพระศรีอริยเทตไตรย พระศรีอริยเมตไตยได้ดำรัสสั่งกับพระมาลัยว่าถ้ามนุษย์อยากพบพระองค์ จงอย่าได้ทำบาปหนัก ได้แก่ ฆ่าหรือข่มเหงบิดามารดา สมณพราหมณาจารย์ทำร้ายร่างกายพระพุทธเจ้าและยุยงพระสงฆ์ให้แตกกัน ให้อุตสาห์ฟังเรื่องราวมหาเวสสันดรชาดกหรือผะเหวดให้จบในวันเดียวกันฟังแล้วให้นำไปประพฤติปฏิบัติจะได้พบพระศาสนาของพระองค์ เมื่อพระมาลัยกลับมาถึงโลกมนุษย์จึงได้บอกให้มนุษย์ทราบ โดยเหตุนี้ผู้ปรารถนาจะพบศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย จึงพากันทำบุญผะเหวดสืบต่อกันมา

การเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์
มหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดก แบ่งออกเป็น ๑๓ กัณฑ์ (ตอนหรือบท) เนื้อความทั้ง ๑๓ กัณฑ์มีดังต่อไป
 
๑. กัณฑ์ทศพร
กัณฑ์ว่าด้วยพร ๑๐ ประการ ที่พระอินทร์ประทานแก่พระนางผุสสดีก่อนที่พระนางจุติจากสวรรค์มาบังเกิดเป็นพระมารดาของพระเวสสันดรโดยเริ่มเรื่องว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จจากเวฬุวนาราม นครราชคฤห์ ไปโปรดพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสด์นั้น พระประยูรญาติผู้ใหญ่ไม่ยอมถวายบังคม เพราะเห็นว่าพระพุทธองค์มีพระชนม์มายุน้อยกว่า พระพุทธองค์จึงแสดงปาฏิหาริย์ให้พระองค์ลอยอยู่เหนือพระเศียรพระประยูร
ญาติบรรดาพระประยูรญาติมิอาจทรงมานะทิฐิอยู่ได้จึงพร้อมกันถวายบังคม
๒. กัณฑ์หิมพานต์
คือ กัณฑ์ที่พระมัทรีตรัสเล่าถึงป่าหิมพานต์ถวายพระเวสสันดรว่าเป็นที่รื่นรมย์น่าอยู่อาศัย เล่าเรื่องย้อนหลังถึงพระนางผุสสดีพระมารดาของพระเวสสันดรจุติลงมาเกิด และได้เป็นมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัย มีโอรสคือพระเวสสันดร ครั้งหนึ่งพระเวสสันดรได้ประทานช้างปัจจัยนาเคนทร์ อันเป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองให้แก่ชาวเมืองกลิงคราษฎร์ ชาวเมืองสีวีราษฎร์ไม่พอใจ จึงประชุมกันกล่าวโทษพระเวสสันดร จนพระเจ้ากรุง
สญชัยต้องเนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมือง พระมัทรีพระมเหสีของพระเวสสันดรขอตามเสด็จไปอยู่ป่าด้วย 
๓. ทานกัณฑ์
พระเวสสันดรบำเพ็ญทาน แล้วเสด็จออกจากเมืองพร้อมพระมัทรีพระชาลี (โอรส) พระกัณหา (ธิดา)จะเสด็จไปยังเขาวงกต 
   




๔. กัณฑ์วนปเวสน์
พระเวสสันดรเสด็จผ่านเมืองเจตราษฎร์ กษัตริย์เจตราษฎร์ เชิญพระเวสสันดรให้ประทับ ณ เมืองเจตราษฎร์ แต่ไม่ทรงรับ จึงชี้ทางไปสู่เขาวงกต และให้พรานเจตบุตรรักษาต้นทางไม่ให้ผู้ใดมารบกวน พระเวสสันดร พระมัทรี และพระโอรสธิดา ต่างทรงผนวชเป็นดาบส และประทับ ณ อาศรมในบริเวณเขาวงกต


๕. กัณฑ์ชูชก
กล่าวถึงชูชกพราหมณ์เฒ่าได้นางอมิตตดาสาวรุ่นเป็นเมีย เพื่อชดใช้แทนเงินที่บิดามารดาเป็นหนี้ชูชก นางอมิตตดาวิวาทกับนางพรามณีในหมู่บ้านนั้น เพราะถูกเยาะเย้ยว่านางมีสามีแก่ นางจึงคิดลบล้างความอับอายของตนโดยรบเร้าให้ชูชกไปขอสองกุมารมาเป็นทาส 




๖. กัณฑ์จุลพน
ชูชกเดินทางไปขอสองกุมาร ผ่านด่านที่เจตบุตรเฝ้าอยู่ ชูชกหลอกลวงจนพราหมณ์เจตบุตรหลงเชื่อว่าชูชกเป็นทูต จึงชี้ทางผ่านป่าต้นทางที่จะไปยังอาศรมของพระเวสสันดรให้ชูชก



๗. กัณฑ์มหาพน
ชูชกเดินทางต่อมาได้พบพระอัจจุตฤาษี ก็หลอกลวงให้ฤาษีหลงเชื่อและพระฤาษีพรรณนาป่าใหญ่บริเวณเขาวงกตใกล้พระอาศรมของพระเวสสันดรให้ชูชกฟัง เป็นการชี้ทางให้ชูชกเดินทางต่อไป 


๘. กัณฑ์กุมาร
พระนางมัทรีฝันร้าย ให้พระเวสสันดรทำนายฝันให้ แล้วนางก็ออกไปหาผลไม้ ชูชกเฝ้าพระเวสสสันดรขอสองกุมาร ชูชกเมื่อได้รับพระราชทานสองกุมารแล้ว ก็ขู่เข็ญสองกุมาร โดยการเฆี่ยนตีแล้วลากตัวไป 




๙. กัณฑ์มัทรี

พระนางมัทรีมัทรีกลับมาไม่พบสองกุมาร ก็คร่ำครวญสลบไป พระเวสสันดรแก้ฟื้น แล้วบอกความจริงว่าได้ให้สองกุมารแก่ชูชกไปแล้ว 






๑๐. กัณฑ์สักบรรพ
พระอินทร์แปลงกายมาขอพระนางมัทรี เมื่อพระเวสสันดรพระราชทานให้แล้ว ก็ถวายพระมัทรีคืนไว้ให้ปฏิบัติพระเวสสันดร พระเวสสันดรทูลขอพร ๘ ประการจากพระอินทร์ 




๑๑. กัณฑ์มหาราช
ชูชกพาสองกุมารหลงเข้าไปในกรุงสีวีราษฎร์ ถูกจับไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสญชัย พระเจ้ากรุงสญชัยขอไถ่ตัวสองกุมาร ส่วนชูชกกินอาหารที่พระราชาทานเกินขนาดจนไฟธาตุแตกตาย พระเจ้ากรุงสญชัยเตรียมยกทัพออกไปรับพระเวสสันดรคืนพระนคร 



๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์

พระเจ้ากรุงสญชัยไปพบพระเวสสันดร ต่างองค์ต่างเกิดความปิติและโศกสลดจนสลบไปทั้งหกพระองค์ พระอินทร์จึงบันดาลให้เกิดฝนโบกขรพรรษตกลง ณ บริเวณอาศรม ประพรมกษัตริย์ทั้งหกกลับพื้นขึ้น

 


๑๓. กัณฑ์นครกัณฑ์
พระเวสสันดรกลับคืนพระนคร ทรงบำเพ็ญทานอันยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เสวยราชย์อยู่จนพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษาก็สิ้นพระชนม์ ไปอุบัติในสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วกล่าวถึงการมาอุบัติใหม่ คือ กลับพระชาติมาเกิดเป็นพระสิทธัตถกุมาร บุคคลอื่น ๆ ก็กลับชาติมาเกิดเช่นเดียวกันชูชกกลับชาติมาเกิดเป็นพระเทวทัต นางอมิตตดากลับชาติมาเกิดเป็นนางจิญจมาณวิภาเป็นต้น





การแห่ผะเหวด พอตอนบ่ายชาวบ้านมารวมกันที่วัด เตรียมตัวจัดขบวนแห่ไปอัญเชิญผะเหวดสันดรและ
นางมัทรีเข้าเมือง โดยสมมุติให้ผะเหวดสันดรและนางมัทรีเข้าเมือง โดยสมมติให้ผะเหวดสันดรและ
นางมัทรีไปอยู่ป่าแห่งใดแห่งหนึ่งซึ่งอาจเป็นป่าจริงหรือทุ่งนา หรือลานหญ้าก็ได้แล้วแต่ภูมิประเทศจะอำนวย แล้วทำำพิธีบายศรีสู่ขวัญผะเหวดสันดรกับนางมัทรีนิมนต์พระเทศน์กัณฐ์ฉกษัตริย์ เสร็จแล้วกล่าวอันเชิญผะเหวดสันดรและนางมัทรีเข้าเมือง โดยหามเสลี่ยงพระพุทธรูป และพระภิกษุออกก่อน



ขอบคุณ ข้อมูล และ รูปภาพจาก
 
Share this article :

แสดงความคิดเห็น

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2012 - 3012. GuidePhibun ไกด์ พิบูลมังสาหาร - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger